Monday, April 23, 2007

Hiroshima

5.11.2006
โปรแกรมวันนี้ไปเที่ยวHiroshima กันค่ะ
เรานั่งชินกันเซ็น จากสถานี Shin osaka ไป Hiroshima จากนั้นนั่งรถโดยสารประจำทาง ไปลงที่ Hiroshima Memorail Park เป็นบริเวณที่จัดเพื่อระลึกถึง เหตุการณ์ระเบิดนิวเคลียร์สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
มีอนุสาวรีย์เด็กหญิงsadako กับนกกระเรียน ,Atomic Dome ตึกที่ยังคงทิ้งร่องรอยหลังจากโดนระเบิด บริเวณใกล้มีเล่นดนตรีบริเวณแม่น้ำ บรรยากาศดี น่าเดินเล่น ใกล้ๆกันมีท่าเรือที่สามารถต่อเรือไปยังเกาะ ที่มีศาลเจ้าอยู่ตรงกลางน้ำ ชื่ออะไร เราก้อจำไม่ได้แล้ว
นั่งฟังเพลง เดินเล่น กินไอติม ซักพัก พวกเราพากันเดินต่อไปยัง Hiroshima Castle ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก เห็นเด็กๆ แต่งชุดกิโมโนน่ารัก มากับครอบครัวหลายคน เด็กๆ ในชุดกิโมโนเล็กๆ น่ารักมากๆ จนเราอดไปขอถ่ายรูปด้วยไม่ได้

ตอนเย็นๆ เราไปเดินเล่นตอนกลางคืนที่ย่าน Dontonburi แถวๆ ที่มีรูปปั้นกูลิโกะ เป็นย่านขายของ ร้านอาหาร ตอนกลางคืนของโอซาก้า แถวๆนี้น่าจะเป็นย่านที่มียากูซ่า เพราะเราเห็นบางคนดูท่าทางเหมือนนักเลง แต่ก้อไม่อันตรายใดๆ เพราะมีวัยรุ่น วัยกลางคน แทบทุกวัยเดินจับจ่ายใช้สอยซื้อของกันเยอะแยะ ที่นี่มีปูเป็นอาหารมีชื่อ แต่เราก้อไม่ได้กิน เพราะตอนไปถึงค่อนข้างดึกมากแล้วร้านใกล้จะปิด ตอนเราเข้าไปบางร้านบอกครัวปิดแล้ว
แต่เรามีโอกาสได้ไปกินข้าวหน้าแกงกระหรี่ แบบที่มีให้เลือกความเผ็ด ขนาดชาม กว่าจะสั่งกันเสร็จ สั่งไปก้อขำไป เพราะงง ว่าก้อชี้ตามรูปแล้วทำไมยังต้องถามโน่นนี่อีก แต่พอได้กิน โอ้ อร่อยมากๆ เสียดายว่าวันต่อมาหาร้านแบบนี้ไม่เจอ เพราะดูหน้าตาแล้ว น่าจะเป็นแบบร้านที่มีหลายสาขา ถ้ามีโอกาสไปเที่ยวโอซาก้า คงต้องไปกินกันอีกครั้ง

Sunday, April 22, 2007

BKK-Osaka

เราออกเดินทางจากกรุงเทพวันที่ 3/11/2006 ตอนเที่ยงคืน ใช้เวลาเดินทางประมาณ ห้าถึงหกชั่วโมง พวกเรา 3 คนก้อมายืนเง็ง กันอยู่ที่สนามบินคันไซ เมืองโอซาก้า ตอนเจ็ดโมงเช้าของวันที่ 4 เรามีความรู้สึกเหมือนกับมาเยือนบ้านเก่าที่ไม่ค่อยจะคุ้นเคย ความเคอะเขินในการเดินทางไปต่างประเทศเริ่มน้อยลง แถมคราวนี้กลับมาเยือนสถานที่เก่าที่เพิ่งจะมาเยือนเมื่อปีกลายนี้เอง แต่เป็นการเดินทางแบบย้อนศร เพราะคราวที่แล้วเรามาจากไปจากญี่ปุ่นที่นี่ แต่คราวนี้สนามบินแห่งนี้เปลี่ยนเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับการมาเที่ยวครั้งที่ 2 ของเรา
พวกเราใช้เวลาค่อนข้างนาน เพราะหลงซะแล้ว กว่าจะได้เจอโรงแรมkinki อันที่จริงมันก้อใกล้ๆ กับที่เราหาน่ะแหละ พยายามถามคนโน้น คนนี้ ไปทั่ว แต่แบบนี้นี่แหละรสชาติชีวิตแบ็คแพ็ค เจอมันซะตั้งแต่เริ่มเลย เราว่าไอ้ตอนต้องถามหาสถานที่ที่เราจะไป เนี่ยแหละมันทำให้เราได้เห็น ในสิ่งที่เราไม่คาดคิดเยอะแยะ อย่าไปคิดว่ามันจะทำให้เราเสียเวลา เพราะเรามาเที่ยวเพื่อมาเจอความแปลกใหม่ของชีวิต ไอ้สิ่งที่เราจะไปเยี่ยมชมถึงแม้เป็นหลักชัยในการมาเยือน แต่สิ่งเล็กๆน้อยๆ ที่เราเจอ มันก้อน่าสนใจไม่ใช่เหรอ ซึ่งความคิดนี้แหละทำให้เรา แทบจะลาจากการไปเที่ยวกับเพื่อนบางคน ไปคนเดียวสบายใจกว่าเยอะ
เกือบเที่ยงเราถึงได้ถึงที่พัก ที่จองเอาไว้ ที่พักสะอาด และราคาไม่แพง เสียดายที่ไม่ได้ถ่ายรูปภายในมาเก็บไว้เป็นที่ระลึก
วันนี้พวกเราไปเที่ยวที่ปราสาทโอซาก้า ที่นี่เราไม่ได้ขึ้นไปข้างบน เพราะมาแล้วเมื่อคราวที่แล้ว ยังคึกคักไม่เปลี่ยนแปลง มีเด็กนักเรียนมาทัศนศึกษาดูไปแล้วเหมือนจากหลายที่ สังเกตุจากการไปเที่ยวแล้วชอบมากที่ ที่นี่เค้าสนับสนุนให้มีการพาเด็กมาเที่ยว เพราะเราเห็นแทบจะมีทุกที่ และนักเรียนก้อดูเหมือนจะทุกระดับชั้น ทำให้เด็กๆ ได้เห็นและซึมซับวัฒนธรรม และที่มาของพวกเค้า เพื่อทราบถึงที่ไปต่อไปในอนาคต เป็นการปลูกฝังเด็กๆ ตั้งแต่ยังเล็กๆอยู่
มีเวลาเหลือ เราไปนั่งรถไฟ ไปเที่ยววัด Shintennoji อีกแห่ง ก่อนจะกลับโรงแรมเพื่อพักผ่อนก่อนจะลุยต่อพรุ่งนี้

Japan II

3/11/2006-13/11/2006
ครั้งที่ 2 ของเรากับทริปญี่ปุ่น แถมเป็นเมืองเดิมกับที่ไปมาเมื่อปีที่แล้ว หลวมตัวไปแบบไม่ได้ตั้งใจ สาเหตุมาจากมีคะแนนสะสมจากบัตรเครดิต รูดปรู๊ด รูดปรู๊ด นะแหละ ได้ตั๋วมาตั้ง 3 ใบ ทริปนี้เราแอบประหยัดไปเยอะ เพราะเอาตั๋วไปขายให้เพื่อน กับน้องสาว เป็นค่าโรงแรม กับค่าใช้จ่ายได้คุ้มสุดคุ้ม แต่เสียดายไปหน่อยที่ต้องไปเมืองที่ไปมาแล้ว เพราะทั้งเพื่อนสาว และน้องสาวยังไม่เคยไปมาก่อน

ญี่ปุ่นคราวนี้เป็นอีกอารมณ์นึงกับคราวที่แล้วที่เรามาช่วงซากุระบาน บรรยากาศสดชื่นเต็มไปด้วยซากุระ รอบนี้มาในฤดูใบไม้ร่วง กำลังเข้าฤดูหนาว ได้เห็นใบไม้หลากหลายสี แต่เราว่ามันไม่ละลานตา แถมพอได้ผ่านตรง path of philosophy ที่เราเคยเห็นซากุระบานเต็มไปตลอดสาย ก้อช่างแห้งแล้ง มีแต่ต้นไม้ที่เหี่ยวเฉา
แต่ญี่ปุ่นก้อยังเป็นญึ่ปุ่น ยังเป็นเมืองที่น่าไปเที่ยว สะอาด และผู้คนก้อสนุกสนานกับการแต่งตัวได้เริ่ดมากๆ และซ่อนความเขินอายแบบญี่ปุ่นอย่างน่ารัก


เรายังคงได้เห็นและสัมผัส ความเก่าแก่ ที่แทรกอยู่ในทุกมุมของเมืองใหญ่ที่เติบโตไปพร้อมๆ กับความทันสมัย เราหวังว่าภาพเหล่านี้จะยังคงมีให้เห็นอีกเมื่อเราได้มาเยือนอีกครั้ง ไม่กลืนหายไปกับสังคมใหม่ เทคโนโลยีใหม่ๆ เช่นกรุงเทพของเราที่นับวันจะหาที่มาได้ยากเต็มที


Preparing for Accomodation
แผนการเดินทางและที่พัก
ค่าตั๋วเครื่องบิน ฟรี จ่ายค่าธรรมเนียมและภาษี คนละ 3677 บาท เป็นเงิน 11,031 บาท
วันที่ 3/11/2006 โดยเที่ยวบิน TG0622 ออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ (ที่เพิ่งจะเปิดใหม่สดๆ ร้อนๆ เมื่อวันที่ 28/9/2006) ถือเป็นการไปสนามบินนี้เป็นครั้งแรกของเราด้วย ออกเดินทางเวลา 23.59 น. ถึงสนามบินคันไซ เมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น เวลา 7.10 น.ของวันที่ 4/11/2006 (Airbus Industrie A333 JET)
โอซาก้า (4/11/06-06/11/06) พัก 2 คืน ที่ Hotel Kinki ห้องแบบ Japanese Type with bath ราคา 9000 yen / 3 persons ต่อคืน พัก 2 คืน เป็นเงิน 18000 yen
http://www.itcj.jp/hdb/527047.html
เกียวโต(6/11/06-09/11/06)พัก 3 คืน Tour Club ห้อง Japanese style triple room (with bath & toilet,wall tv) 9345 yen/room/night พัก 3 คืน 28,035 yen
http://www.kyotojp.com
ฟูจิ Mt. (9/11/06-10/11/06) พัก 1 คืน Kawaguchi Shared room 3 bed 11,100 yen
http://www.hostelworld.com/availability.php/KawaguchikoStationInn-MountFuji-11235
โตเกียว (10/11/06-13/11/06) พัก 3 คืน Tokyo International Hostel 3860 yen/night/person